สรุปการเดินทางเข้าฝึกที่ญี่ปุ่นปี 2015 ตอนที่ 2

Posted by

จากตอนแรกที่ได้เล่าให้ฟ้งโดยรวมถึงสิ่งที่พบเจอและทำให้ได้แนวคิดมุมมองของอาจารย์ที่ไม่เคยได้คิดถึงมาก่อนนั้น เช่นกันสำหรับตอนที่สองนี้ ผมยังได้แนวคิดที่ก่อนหน้านี้ ไม่เคยคิดเลยอีกจุดหนึ่งเช่นกัน แต่ต้องออกตัวก่อนว่าส่วนนี้เป็นแนวคิดส่วนตัวล้วน ๆ

bp

จากการเดินทางในครั้งนี้ต่างจากการไปครั้งที่แล้วพอสมควร ตื่นเต้นน้อยลงมีเวลาได้เห็นอะไรมากขึ้น ซึ่งรวมถึงบรรยากาศรอบตัวในการเข้ารับการฝึกใน Class ของอาจารย์มาซาอะกิ บรรยากาศที่ว่านี้หมายถึงช่วงระหว่างที่ทำการเปลี่ยนชุดฝึกเรียบร้อยแล้วและรออาจารย์มาซาอะกิเดินทางมาถึง สิ่งที่ผมสังเกตเห็นนี้คือ คือการปฎิบัติตัวของอาจารย์ ชิราอิชิและอาจารย์เอก ผมคิดว่าหลายคนอาจจะไม่เห็น เพราะเป็นการกระทำที่ธรรมดามากๆ ดูเหมือนเป็นการปฏิบัติที่ปกติ ผมขอเล่าเป็นเหตุการณ์ เริ่มต้นตั้งแต่เมื่อเดินทางถึงที่ถึงโรงฝึก อาจารย์ชิราอิชิมาถึงพร้อมเปลี่ยนชุดฝึกเรียบร้อยแล้ว และทักทายพูดคุยกับผู้เข้ารับการฝึกท่านอื่นๆอย่างเป็นกันเอง เมื่อเราเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วก็ยืนรออาจารย์มาซาอะกิเดินทางมาเมื่อใกล้ๆถึงเวลาผมสังเกตเห็น อาจารย์ชิราอิชิพอดีเห็นอาจารย์ไปยืนอยู่ตรงหน้าประตู ผมสังเกตเห็นอย่างนั้นประมาณสองรอบก็ยังคิดสงสัยอยู่แต่มาทราบอีกทีเมื่อรอบที่สาม นั้นคืออาจารย์มาซาอะกิเดินทางมาถึงนั้นเอง ซึ่้งหมายความว่าอาจารย์ชิราอิชิ จะไปยืนรอรับ อาจารย์มาซาอะกินั้นเอง

หลังจากนั้นอาจารย์ชิราอิชิก็ช่วยจัดเตรียมหลายๆอย่างและช่วยหยิบสิ่งต่างๆ เช่นเสื้อผ้าให้กับอาจารย์มาซาอะกิในขณะที่เตรียมตัวก่อนสอน หลายคนอ่านมาถึงจุดนี้แล้วอาจจะคิดคิดว่าผมหมายถึงการปฏิบัติตัวของลูกศิษย์กับอาจารย์ว่าเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นความสัมพันธ์ของนักศิลปะการต่อสู้ แต่จุดนี้เป็นแค่เพียงจุดหนึ่งเท่านั้น แต่มีอีกจุดหนึ่งสำหรับสิ่งที่ผมเห็นนี้มันกลับทำให้ผมมีคำถามขึ้นมาว่า

“ฝึกไปเพื่ออะไร”

สำหรับผมก่อนหน้านี้เคยมีคำถามในตอนเริ่มฝึกว่าเหตุใดจึงเข้ารับการฝึก ในลำดับต่อมาเมื่อฝึกมาได้ระดับหนึ่งผมก็ลืมคำตอบว่าเหตุใดจึงเข้ารับการฝึกไป แต่เปลี่ยนมาเป็นการตั้งเป้าหมายแทน ซึ่งก็เคยแนะนำผู้ที่เข้าฝึกใหม่หลาย ๆ คนไปว่า ตั้งเป้าหมายง่าย ๆ ไม่ไกลเกินไปนัก จะได้มีกำลังใจและสามารถฝึกต่อไปได้ เช่น สายเขียวก็ตั้งเป้าว่าจะฝึกให้ได้สายดำขั้นหนึ่ง เมื่อได้สายดำขั้นหนึ่งแล้วก็ตั้งเป้าต่อไปว่าจะต้องได้สายดำขั้น 5 ต่อไป แต่หลังจากผมสังเกตเห็นสิ่งที่ อาจารย์เอกและอาจารย์ชิราอิชิ ปฏิบัติตามที่ได้เล่าไปก่อนหน้า ในใจคิดว่าปฏิบัติแบบนั้นไปทำไม จริงๆ อาจารย์เอกก็ขั้น 15 แล้วต้องดูแลเราขณะไปญี่ปุ่นทำไม อาจารย์ชิราอิชิก็ขั้น 15 มานานแล้วยังปฏิบัติตนอย่างนี้ทำไม พอคิดได้แล้วมาสำรวจตนเองเหมือนจะเริ่มเข้าใจว่าจุดหนึ่งตัวเราเองก็หลงไปชั่วขณะหนึ่งว่าจริง ๆ แล้วระดับสายเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในการฝึก แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่เลย ระดับสายเป็นส่วนหนึ่งเพื่อวัดและผลักดัน และแสดงถึงความรับผิดชอบของเราเท่านั้น

“การพัฒนาตนเองในทุก ๆ ด้านนั้นต่างหากที่เป็นจุดมุ่งหมายในการฝึก”

ไม่ได้พัฒนาเฉพาะการฝึกเพียงด้านเดียว สิ่งอื่นๆ ก็ควรต้องพัฒนาด้วยเช่นกัน สำหรับใครหลาย ๆ คนในตอนนี้คิดว่าการพัฒนาการฝึกเพียงอย่างเดียวไม่พัฒนาด้านอื่นๆ พูดสั้น ๆ ต้องการแค่สาย ก็เพียงพอนั้น ก็คงไม่ใช่เรื่องผิด แต่สำหรับแนวคิดของผม ถือว่ามันไม่ครบ ยกตัวอย่างเพิ่มเติมที่เห็นได้ใน Trip นี้ คือการปฏิบัติตัวของผู้เข้ารับการฝึกต่างชาติ ที่กระโดดโลดเต้นทำท่าต่าง ๆ ในขณะที่ อาจารย์ให้ออกไปแสดง ซึ่งจริง ๆ สิ่งที่อาจารย์อยากเห็นคือเข้าใจในสิ่งที่สอนหรือไหมให้แสดงออกมา ไม่ได้ให้ไปโชว์ท่าอะไรก็ได้ ทีนี้ลองคิดดูหากชาวต่างชาตินี้ไม่รู้ว่าสิ่งที่กระทำนี้ผิด และอาจารย์ก็ไม่ได้ว่ากล่าวตักเตือนว่าอนาคตข้างหน้าชาวต่างชาตินี้ก็จะนำสิ่งที่ผิด ๆ นี้ถ่ายทอดต่อไป สิ่งที่ถูกต้องที่สุดในความคิดผมคือ ทั้งอาจารย์และลูกศิษย์ชาวต่างชาตินี้ก็ควรพัฒนาตนเองไม่ให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นมาอีก สำหรับผมนี้เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนว่าไม่พัฒนาด้านอื่นๆ เลยนั้นไม่ได้ แต่ก็เป็นเพียงแนวคิดเพราะสุดท้ายคนที่ปฏิบัติแบบนี้ได้ก็อาจจะคิดว่าตอนเองไม่ได้กระทำอะไรผิดเลยก็ได้ สุดท้ายนี้ต้องขอฝากเอาไว้สำหรับใครหลาย ๆ คน คนจะดีหรือชั่วอยู่ที่ตัวเอง สำหรับผมถือว่าโชคดีที่มีอาจารย์นำทางแต่ก็ยังโชคดีกว่าที่ผมเองก็ยอมรับและพยายามจะพัฒนา สำหรับใครหลาย ๆ คนที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรหวังว่าอ่านบทความนี้แล้วอาจจะช่วยได้ไม่มากก็น้อยและสามารถเลือกเดินในทางที่ถูกต้องได้ต่อไป

ผู้เขียน
ณัฐธีร์ รุจิระชัยเวทย์
สายดำระดับ 6 บูจินกัน บูโด ไทจุสสุ