Sakki Tast คือการสอบขึ้นสายดำขั้น 5 ของบูจินกัน บูโด ไทจุสสึ วิธีการก็คือ จะให้เรานั่งคุกเข่าหลับตา แล้วก็จะมีอาจารย์ระดับขั้น 15 ซึ่งอาจารย์มาซึอะกิจะเป็นคนเลือก มายืนอยู่ด้านหลังของเรา ใช้ดาบไม้ไผ่หุ้มนวมฟันลงมาที่ศีรษะจากด้านหลัง ถ้าหลบดาบนั้นได้ ก็ถือว่าผ่าน ได้รับสายดำขั้น 5
ถ้าใครยินครั้งแรก ก็คงจะคิดเหมือนผมตอนได้ยินอาจารย์เอกเล่าให้ฟังครั้งแรกเหมือนกันว่า เหมือนในหนังกำลังภายในเลย ตอนที่ได้รู้ว่า อาจารย์อนุญาตให้มาสอบที่ญี่ปุ่น บอกได้เลยครับว่า ผมไม่เคยมีความรุ้สึกเลยว่าจะสอบผ่าน สำหรับตัวผมมันเหมือนเป็นไปไม่ได้ ตอนซ้อมอยู่ที่เมืองไทย อาจารย์อิทเป็นคนฟันให้ ก็หลบได้บ้างเป็นบางครั้ง ไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเอง ทั้งๆที่รู้สึกแบบเดียวกัน แต่ทำไมบางครั้งหลบได้ บางครั้งหลบไม่ได้ บางครั้งไม่แน่ใจว่าหลบได้เพราะรู้สึกหรือว่าเพราะได้ยินเสียงลมจากการที่ดาบฟันลงมา อาจารย์อิทก็บอกเพียงแค่ว่า ถ้ารู้สึกว่าจะต้องหลบก็ให้ม้วนหลบไป เพราะตอนอาจารย์อิทมาสอบที่ญี่ปุ่น ก็ได้รับคำแนะนำจากอาจารย์เอกมาแบบนี้เหมือนกัน
วันจันทร์ที่ 2 มีนาคม 2558 เป็นวันแรกที่มาฝึกที่ญี่ปุ่นก่อนหน้าการสอบ 1 วัน ตอนเลิกคลาสวันนั้น อาจารย์ชิราอิชิมาซ้อมให้ สอนวิธีการนั่ง การม้วนหลบ แล้วอาจารย์ชิราอิชิก็มาเป็นคนฟันให้ตอนฝึก คนที่ได้รับอนุญาตให้สอบครั้งนี้มีอยู่ 4 คน นั่งเรียงกัน คือ คุณเอ๊กซ์ คุณกานต์ คุณหมี และผมเป็นคนสุดท้าย อาจารย์ชิราอิชิเรียกออกไปทีละคน ตอนที่เรียก คุณเอ๊กซ์กับคุณกานต์ออกไป ผมยังรู้สึกเฉยๆ ไม่ได้ตื่นเต้นอะไร แต่พอเรียกคุณหมีออกไปนั่ง ผมซึ่งนั่งดูอยู่รู้สึกตี่นเต้นมากๆ ใจเต้นแรง พอถึงคิวตัวเอง ในหัวก็ไม่มีอะไรเหลือแล้ว โล่งๆ คิดอะไรไม่ออก พออาจารย์ชิราอิชิเริ่ม ผมมีความรู้สึกเหมือนมีอะไรมากดไม่ให้ขยับ ก็เลยฝืนม้วนหน้าออกไป พอหันกลับมามอง ก็เห็นอาจารย์ยังยืนอยู่เฉยๆ ยกดาบอยู่เหนือศีรษะ ก็เลยให้ทำอีกครั้ง ครั้งที่2 ก็ขยับก่อน จนครั้งที่ 3 ก็รู้สึกเหมือนเดิม เหมือนมีอะไรสักอย่างแผ่ออกมากดไว้ไม่ให้ขยับ แล้วอยู่ๆความรู้สึกนั้นก็หายไป ตอนนั้นรู้สึกอย่างเดียวว่าต้องขยับตัวไปก่อน ก็เลยม้วนออกไป ครั้งนี้หลบได้
หลังจากนั้นอาจารย์ชิราอิชิให้อาจารย์เอกมาเป็นคนฟันให้บ้าง สำหรับผมคนอื่นๆดูผ่านไปได้ด้วยดีกันทุกคน แต่ตัวผมเอง ขยับไปก่อนที่อาจารย์เอกจะฟันลงมา 3-4 ครั้ง จนอาจารย์เอกต้องแนะนำว่า ให้รู้สึกจริงๆ แล้วค่อยม้วนไป ก็เลยลองตั้งสติใหม่ ตอนนั้นรู้สึกว่า จากที่สงบๆเงียบๆ จู่ๆก็เย็นวาบตรงท้ายทอย เหมือนขนลุก ก็เลยขยับตัวม้วนไป ครั้งนั้นถึงซ้อมผ่าน
หลังจากการซ้อม อาจารย์ชิราอิชิก็ให้คำแนะนำว่า “อย่าคิดถึงว่าจะผ่านหรือไม่ผ่าน ให้คิดว่า ถ้าจะต้องม้วนไปก็ม้วนไป “ อาจารย์เอกก็พูดว่า “ไม่มีอะไรจะแนะนำแล้ว เท่าที่ซ้อมมา ก็คิดว่าทุกคนรู้สึกได้แล้ว เพียงแต่ขอให้เชื่อมั่นตัวเอง เชื่อมั่นสิ่งที่ตัวเองฝึกฝนมาก็พอ “
วันอังคารที่ 3 มีนาคม 2558 วันสอบที่ Ayase เป็นคลาสของอาจารย์ มาซึอะกิ มีคนมาฝึกกะจำนวนด้วยสายตาน่าจะประมาณ 100กว่าคน ตอนแรกผมคิดว่าคงจะสอบหลังจากฝึกเสร็จแลัว แต่พอฝึกไปได้สักพักหนึ่ง อยู่ๆอาจารย์ก็เรียกคนที่จะสอบทุกคนให้มานั่งเตรียมตัวเลย ตอนนั้นตี่นเต้นมาก มีคนสอบทั้งหมด 7 คน นั่งเรียงกัน คนแรกเป็นผู้ชายเป็นคนอเมริกัน ตามด้วยโรงฝึกประเทศไทยสี่คน คนที่6 เป็นผู้ชายประเทศอะไรผมจำไม่ได้ คนสุดท้ายเป็นผู้หญิงอเมริกัน
คนอเมริกันคนแรกที่มาสอบ มีอาจารย์ 15 ดั้งชาวอเมริกันมาเป็นคนฟันให้ ปรากฎว่า ไม่ผ่าน เนื่องจากไม่รู้สึกอะไรเลย นั่งนิ่งไม่ขยับ จนฟันครั้งที่ 3 มีขยับตัวนิดหน่อย อาจารย์เลยให้กลับมานั่งก่อน
คนที่ 2 อาจารย์เอก ซึ่งเป็น 15 ดั้งชาวไทยเพียงคนเดียว เป็นคนฟันให้ ครั้งแรกขยับตัวม้วนไป แต่จากมุมมองของอาจารย์มะซาอากิ ซึ่งยืนอยู่ด้านหลังอาจารย์เอกอีกที ทำให้มองว่าช้าไป เลยให้เอาใหม่ ครั้งที่2 อาจารย์โนงุจิซึ่งเป็นอาจารย์อีกคนที่ช่วยตัดสินก็ลังเลอยู่นานอาจจะเพราะไม่แน่ใจ ก็เลยให้กลับมานั่งก่อน
ผมเป็นคนที่ 3 ตอนที่เดินออกไป ตอนนั้นบอกกับตัวเองว่าไม่ผ่านแน่นอน เพราะขนาดคนก่อนหน้าหลบได้ยังไม่ให้ผ่าน เพราะจริงๆแล้ว ตอนที่ซ้อมอยู่เมืองไทยคนก่อนหน้าทำได้ดีกว่าผมมาก ตอนซ้อมเมื่อวันจันทร์กับอาจารย์ชิราอิชิก็ทำได้ดีกว่าผมยังไม่ผ่าน ก็เลยไม่คิดอะไรมาก แต่ก็ยอมรับว่าใจเสียไปเยอะ
ตอนที่เริ่มสอบ หลังจากหลับตา ตอนนั้นเดาเอาว่าอาจารย์เอกก็คงตั้งท่าเตรียมเหมือนกัน อยู่ๆก็รู้สึกเย็นวาบตรงท้ายทอยแล้วก็รู้สึกเหมือนขนลุกซู่ที่หลังใบหู บรรยายความรู้สึกไม่ถูก ตอนนั้นคิดว่าไปเถอะ ก็ม้วนหน้าไป ตอนที่ม้วนไปคิดว่าโดนฟันไปแล้วแน่นอน ม้วนไปเสร็จก็หันกลับมามองแต่มองไม่เห็นอาจารย์เอกที่ยืนอยู่ด้านหลัง แต่มองเลยไปที่อาจารย์มาซึอะกิ ก็ได้ยินเสียงพูดว่า “โอเค” กับเสียงตบมือรอบๆ ถึงรู้ว่าผ่านแล้ว
คนต่อมาสองคนก็ผ่านในครั้งเดียวเหมือนกัน แต่สองคนสุดท้ายก็ไม่ผ่านในรอบแรก
รอบที่ 2 มีสมาชิกโรงฝึกประเทศไทยคนก่อนผมซึ่งคราวนี้ผ่านในการฟันเพียงครั้งเดียว ผ่านแค่คนเดียวเท่านั้น
รอบที่ 3 ผู้ชายชาวอเมริกันสอบไม่ผ่าน เปลี่ยนอาจารย์ดั้ง 15 คนใหม่มาฟันให้ ก็ยังไม่ผ่าน
ผู้ชายอีกคนหนึ่งก็ผ่านในรอบนี้ จนถึงผู้หญิงอเมริกันคนสุดท้าย เปลี่ยนคนฟันแล้ว ก็ยังไม่ผ่าน จนต้องให้อาจารย์โนงูจิ มาเป็นคนฟันให้ ซึ่งก็หลายครั้งมากจนครั้งสุดท้ายขยับตัวไปได้ อาจารย์ก็เลยให้ผ่าน
สรุปวันนั้น มีคนไม่ผ่านเพียงคนเดียว
จากการที่ผ่านการสอบวันนั้น ทั้งสอบด้วยตัวเองแล้วก็นั่งดูคนอื่นๆด้วย ทำให้เข้าใจได้ระดับหนึ่งว่า การสอบ Sakki Tast ไม่ได้วัดกันแค่ว่าเราจะ”หลบ” ได้หรือหลบไม่ได้ แต่เป็นการทดสอบว่า เรา “รู้สึก”ได้หรือเปล่า เพราะจากการที่คุยกับอาจารย์เอกหลังฝึกเสร็จ อาจารย์ก็บอกว่า ที่ต้องเปลี่ยนคนฟันมาเป็นอาจารย์โนงูจิ เพราะคนที่ฟันให้ผู้หญิงอเมริกันที่สอบคนสุดท้าย ไม่สามารถส่งความรู้สึกได้ ถ้าจะเปรียบเทียบได้คงหมายถึง คนที่ฟันก็จะเปรียบได้กับเครื่องส่ง ส่วนคนที่สอบก็จะต้องเป็นเครื่องรับ ซึ่งถ้าเครื่องส่งดี แต่เครื่องรับไม่ดี ก็จะไม่สามารถหลบได้นั่นเอง ในทางกลับกัน ถ้าเครื่องส่งไม่ดี คนที่เป็นเครื่องรับก็จะไม่รู้สึกอะไรเช่นกัน
หลังสอบผ่านได้ดั้ง 5 เรียบร้อย บอกได้เลยว่า ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเก่งขึ้น และยิ่งหลังจากที่ฝึกอยู่ที่ญี่ปุ่น กลับรู้สึกว่าตัวเองยังไม่รุ้อะไรเลย ไม่สามารถทำตามที่อาจารย์สอนได้เลย ทั้งๆที่ก็ดูแล้วเหมือนจะง่าย เป็นเทคนิคง่ายๆ แต่พอทำเองกลับทำไม่ได้เลย โชคดีมีอาจารย์เอกคอยแนะนำให้ ก็พอจะรู้เรื่องขึ้นมานิดหน่อย แต่ก็ทำให้ได้คิดว่าต้องขยันฝึกให้มากขึ้น กลับมาฝึกเทคนิคพื้นฐานให้มากขึ้นเพราะเป็นสิ่งสำคัญมากๆ
ยิ่งได้เห็นอาจารย์ทุกคนที่ฝึกอยู่ที่ญี่ปุ่น ยิ่งทำให้รู้สึกว่าต้องฝึกให้มากขึ้น อาจารย์มาซึอะกิ อายุ 83 ปี แล้ว ยังสอนได้ เคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว อาจารย์ชิราอิชิ อายุ73 หัวเข่าข้างหนึ่งผ่าตัดมาทำให้งอเข่ามากไม่ได้ เวลานั่งต้องเหยียดขาข้างนั้นออกมาไม่สามารถนั่งงอเข่าได้ ตาก็มองเห็นแค่ข้างเดียว แต่ยังฝึกทุกวันและยังสามารถเป็นอุเกะให้กับอาจารย์มาซึอะกิได้เป็นอย่างดี สามารถทำเทคนิคซึ่งผมไม่สามารถทำได้เลย ท่านอาจารย์เหล่านั้นทำให้ผมรู้สึกว่าอุปสรรคในด้านร่างกายหรืออายุเป็นเรื่องเล็กน้อย การที่เราบาดเจ็บเล็กๆน้อยๆ หรือป่วยไข้แค่นิดหน่อย และใช้เป็นข้ออ้างในการที่จะหยุดฝึกเป็นเรื่องที่น่าละอายมาก เพราะการฝึกไม่ใช่เป็นแค่เรื่องของร่างกาย แต่ เป็นเรื่องของจิตใจมากกว่า
ขอให้ทุกคนมีความสุขในการฝึกครับ
เกรียงศักดิ์ เทพโยธิน
สายดำระดับ 5
บูจินกัน บูโด ไทจุสสึ