ประมาณสิบปีที่ผ่านมาโรงฝึกได้เผยแพร่ไปในสื่อหลายแขนง ในเรื่องของการเผยแพร่ไปในสื่อต่าง ๆ นั้น อาจารย์ได้พยายามเลือกสื่อต่าง ๆ ที่จะเผยแพร่วิชาออกไปทุกครั้ง อย่างไรก็ตามบางครั้งผลที่ได้ก็น่าเสียใจพอดูเพราะบางครั้งผู้เผยแพร่ต่อกลับบิดเบือนมากขึ้น พยายามให้เกิดความหวือหวามากกว่าการเผยแพร่ข้อเท็จจริง จึงไม่น่าแปลกใจที่คนในบ้านเรายังไม่เข้าใจวิชานี้หรือเข้าใจอะไรผิด ๆ อีกเยอะ

อาจารย์มาซึอะกิเองก็เคยเล่าว่าเวลาที่มีการถ่ายทำสารคดีต่าง ๆ เมื่อแสดงอะไรออกไปแล้วมักถูกขอให้ทำซ้ำให้เหมือนเดิม เพื่อจะถ่ายทำในมุมอื่น ๆ  หรือ บางครั้งก็ถ่ายทำไม่ทัน ซึ่งท่านก็จะบอกว่าเรื่องอย่างนั้นในบูโด(ศิลปะการต่อสู้) นั้นมันเป็นไปไม่ได้ เพราะ ศิลปะการต่อสู้เป็นสิ่งที่มีชีวิต

ทางโรงฝึกเจอปัญหาแบบนี้หลายครั้ง ครั้งแรก ๆ ในการถ่ายทำลงหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง พอถ่ายทำได้สักพัก ได้รับการขอจากตากล้องว่าให้ไปแอบอยู่ในเงาที่มุมตึก ซึ่งแน่นอนว่าก็ต้องปฏิเสธไปว่าเราไม่ใช่เล่นละครเป็นนินจานะครับ

สักห้าหกครั้งที่ผมได้รับติดต่อมาจากตามรายการโทรทัศน์ประเภทเกมส์โชว์ต่าง ๆ  เชิญไปเข้าแสดงหรือร่วมแข่งขันกับดารา อย่างเช่นไปแข่งปาดาวกระจาย หรือ ฟันลูกโป่งอะไรทำนองนี้ ซึ่งรายการประเภทนี้ผมจะบอกปัดไปทันที พร้อมทั้งอบรมพวกโปรดิวเซอร์ทั้งหลายไปด้วย ว่าศิลปะการต่อสู้นั้นไม่ใช่การแสดงและไม่ใช่สิ่งให้ความบันเทิงกับคนดูอย่างที่เขาคิด ในบูจินกันมีทั้งบูโดและนินโปซึ่งเป็นแนวทางของนักรบ ไม่ใช่สิ่งที่เอาไปเล่นสนุกอย่างที่เขาต้องการได้

แม้ว่าจะพยายามเลือกสรรค์รายการที่ดูน่าจะสนใจแล้ว บางครั้งหลังจากที่เราพร่ำสอนอบรมพิธีกรรายการและโปรดิวเซอร์และถ่ายทำไปจนเสร็จ
แต่ก็ยังโดนเอาไปตัดต่อซะเละก็มี อย่างครั้งหนึ่งสมาชิกโรงฝึกคงจำกันได้ว่า โดนเอาไปตัดต่อกับพวกเต้นบีบอยเสียจนน่าเกลียด ซึ่งแน่นอนว่าการกระทำแบบนี้เป็นสิ่งที่รับไม่ได้จริง ๆ สำหรับโรงฝึกเพราะเมื่อถ่ายทอดออกไปในสายตาคนทั่วไปก็เข้าใจอะไรผิด ๆ ต่อไปเรื่อย ๆ ไม่รู้จบ อันนี้ก็ต้องอยู่กับจิตสำนึกของสื่อบ้างแล้วว่าต้องการมาถ่ายทำเพื่ออะไรกันแน่ ต้องการถ่ายทำเรื่องนินจุสสุของจริง หรือ แค่ความเพ้อฝัน แต่ถ้าต้องการความเพ้อฝันก็ไม่ควรมาถ่ายทำที่โรงฝึกตั้งแต่แรก