สำหรับภาพยนตร์ในญี่ปุ่นนั้น ไม่เหมือนภาพยนต์ในบ้านเราที่ฉากแอ็คชั่นมักให้ฝ่ายคิวบู๊
ที่ไม่มีความรู้เรื่องศิลปะการต่อสู้มาแสดงทำให้หลาย ๆ ครั้งฉากที่ออกมาเป็นที่น่าตลกขบขัน
กับคนที่ฝึกศิลปะการต่อสู้จริง ๆ แต่ในญี่ปุ่นนักให้ผู้มีความเชี่ยวชาญก็คือนักศิลปะการต่อสู้จริง
เป็นที่ปรึกษา ดังนั้นเราจะเห็นว่าภาพยนตร์ญี่ปุ่นส่วนมากจะใช้นักศิลปะการต่อสู้จริง ๆ มาเป็นที่ปรึกษา
หลายเรื่องย้อนยุคเกี่ยวกับซามูไรทั้งหลายถึงได้มีความสมจริงมาก
Credit : : ภาพจากหนังสือ Martial art of The world
หนังเกี่ยวกับวิชานินจาเองก็เหมือนกัน ตั้งแต่อดีต ต้นยุค 60หนังเรื่อง ชิโนบิ โนะ โมโนะ
ผู้กำกับของหนังเรื่องดังกล่าวได้โทรเข้ามาขอก็ได้มาขอคำแนะนำจากอาจารย์มาซึอะกิ
และได้เข้าพบกับอาจารย์ทากามัสซึ โทชิสุกุ และ อาจารย์มาซาอะกิ ฮะซึมิ เพื่อปรึกษาที่จะทำหนังที่สมจริงขึ้นมา
โดยได้รับเป็นที่ปรึกษาทางด้านเทคนิคการต่อสู้ด้วย ซึ่งหนังเรื่องนี้เองก็กลายเป็นหนังเกี่ยวกับนินจา
ที่โด่งดังที่สุดเรื่องหนึ่งในอดีตของญี่ปุ่น แต่สิ่งที่คนทั่วไปไม่ทราบกันก็คือตัวแสดงในเรื่องนี้
ที่เป็นนินจาที่โด่งดังชื่อ Momochi Sandayu ก็ใช้ต้นแบบมาจาก อาจารย์ทากามัสซึ นี่เอง
ไม่ใช่เฉพาะการแสดงด้านการต่อสู้ แต่รวมถึงแนวทางการใช้ชีวิตที่นำมาใช้ในภาพยนตร์อีกด้วย
โดยประวัติของอาจารย์มาซึอะกิ เองก็จบการศึกษาในด้านการแสดง และ รักในการแสดง
ท่านเคยได้บอกไว้ว่าการแสดงเป็นส่วนสำคัญของการเป็นนินจา นินจาในอดีตจะต้องแปลอมแปลงตัวไป
ในที่ต่าง ๆ ผู้ที่ไม่สามารถแสดงบทบาทต่าง ๆ ได้ดีก็ไม่สามารถเป็นนินจาที่ดีได้
ด้วยเหตุผลนี้นี่เองจึงได้มีละครทีวีสำหรับเด็กในเรื่อง เซไก นินจา เซน จิไรยะ ขึ้น
เนื่องจากทางผู้กำกับได้เข้ามาขอร้องให้อาจารย์ช่วย จึงไดตัดสินใจเข้าร่วมในละครชุดนี้
ในเรื่องนี้นอกจากอาจารย์จะแสดงด้วยตนเองแล้ว
ยังใช้ชื่อของสำนักในเรื่องนี้ด้วย โดยมีเป้าหมายอยู่ที่การสื่อไปที่เด็ก ๆ ที่ดูละครดังกล่าว
เนื่องจากในละครเกี่ยวกับนินจาส่วนมาก มักให้จินตนาการเกี่ยวกับนินจากับเด็กแบบผิด ๆ
โดยเฉพาะภาพพจน์ของนักฆ่า และ ความก้าวร้าว โดยคราวนี้พยายามให้เกิดความสมจริงมากขึ้น
ให้ความรู้ว่านินจาจะอยู่ได้อย่างไรในสถานการณ์ปัจจุบัน (เช่น บ้านอยู่บนตึก อยู่ในเมือง)
แสดงออกถึงความเป็นผู้ที่รักความสงบสุข ความถูกต้อง และความยุติธรรม
และพยายามให้เห็นถึงวิชานินจุสสุเบื้องต้นว่าเป็นอย่างไรให้กับเด็กๆ เห็นชัดเจน
สำหรับละครเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่ประสบความสำเร็จมากทีเดียว
เราสามารถเปรียบเทียบละครเรื่องนี้กับภาพยนตร์ของทางฝั่งอเมริกาหลาย ๆ เรื่องได้
น่าแปลกคือภาพยนตร์จากประเทศอื่น ๆ มักใช้จิตนาการ กับเรื่องของนินจามากกว่าที่จะเป็นจริงในปัจจุบัน
เช่น โรงฝึกมักต้องอยู่กลางป่า ฝึกยืนข้างดาวกระจาย เวลาจะต่อสู้ต้องเข้าป่า หรือ ดาบนินจาจะต้องตรง ซึ่งผิดกับความเป็นจริงในสมัยนี้
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่แสดงให้เห็นวิสัยทัศน์ของอาจารย์ที่ต้องการเผยแพร่วิชาที่ถูกต้องให้กับคนรุ่นหลัง
โดยกุโศลบายเลือกสื่อที่เหมาะสม ในที่นี้ก็คือเด็ก ๆ นั่นเอง ในอดีตอาจารย์เองก็เคยทำหนังสือแนะนำวิชานินจา
สำหรับเด็กขึ้นมาโดยใช้สื่อคือการ์ตูนที่เข้าถึงเด็ก ๆ ได้โดยง่ายนั่นเอง
ด้วยความนับถือจากทางผู้กำกับของญี่ปุ่น ต่อ ๆ มาก็มีภาพยนตร์หลายเรื่องที่มา
เชิญอาจารย์มาซึอะกิไปร่วมแสดงแต่ทั้งหมดโดนปฏิเสธ แต่ก็มีบางเรื่องที่ได้เข้าไปเป็นที่ปรึกษาเบื้องหลังบ้าง
(อย่างหลายปีก่อนก็มีมาเชิญไปแสดงเรื่องมิโตะ โกมอน ซึ่งอาจารย์ปฏิเสธไป ซึ่งผมเองยังเสียดายเพราะอยากเห็น)